แชร์

ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรก 6.6 พันล้านบาท หลังทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน

อัพเดทล่าสุด: 4 พ.ย. 2025
15 ผู้เข้าชม

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานผลกำไรหลังหักภาษีประจำไตรมาส 3/2568 มูลค่า 1.6 พันล้านบาท ซึ่งนับเป็นการทำกำไร 3 ไตรมาสติดต่อกัน หากไม่รวมผลกระทบจากรายการที่เกิดขึ้นครั้งเดียว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิหลังหักภาษีและหลังปรับปรุงรายการพิเศษ (Normalized Net Profit) อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท ในส่วน EBITDA อยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านบาท โดยได้แรงหนุนหลักจากการได้มาซึ่งใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ สำหรับการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล จำนวน 6.6 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 125%

 

 

นายซิกเว่ เบรกเก้ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า "เมื่อสิ้นสุดไตรมาส 3/2568 เราคงความสามารถในการทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีหมุดหมายสำคัญคือการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกให้ผู้ถือหุ้น ความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งขึ้นจากการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA และการบริหารการเงินอย่างมีวินัย และการให้ความสำคัญกับการขยายกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายนอกเหนือธุรกิจหลัก ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน เรายังคงดำเนินงานด้วยความมุ่งมั่นตามลำดับความสำคัญที่ชัดเจน เพื่อเสริมสร้างรากฐานทางธุรกิจให้มั่นคง ยกระดับศักยภาพจากสินทรัพย์ดิจิทัลและนวัตกรรมที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมองหาโอกาสการเติบโตในอนาคต โดยล่าสุดเราได้ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์และคลาวด์ ให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของประเทศไทย และเสริมสร้างขีดความสามารถสำหรับการแข่งขันในระยะยาว เรามั่นใจในการดำเนินงานสู่การบรรลุเป้าหมายสำหรับปี 2568 และในระยะยาว"

ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งเน้นการสร้างฐานผู้ใช้บริการที่มีคุณภาพ โดยลดการเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานแบบหมุนเวียน (Rotational Gross Adds) พร้อมปรับโครงสร้างค่าใช้จ่ายด้านค่าคอมมิชชั่นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยลดลง จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาส 3/2568 มีจำนวนทั้งสิ้น 46.9 ล้านเลขหมาย ลดลง 2.4 ล้านเลขหมาย หรือคิดเป็น 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตบ้านเพิ่มขึ้น 2.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 3.8 ล้านราย โดยไตรมาส 3 ปี 2568 จำนวนผู้ใช้บริการ 5G อยู่ที่ 15.5 ล้านราย

 

 

นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า "ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งสร้างคุณค่าอย่างยั่งยืนให้แก่ผู้ถือหุ้นมาโดยตลอด  ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิหลังหักภาษี 5.2 พันล้านบาท คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 6.6 พันล้านบาท คิดเป็น 0.19 บาทต่อหุ้น หรืออัตราการจ่ายปันผลเท่ากับ 125% การพิจารณาครั้งนี้ยืนยันความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการส่งมอบผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ควบคู่กับการรักษาวินัยทางการเงินและการเติบโตอย่างมีกำไร
ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานผลกำไรสุทธิหลังหักภาษี (Net Profit After Tax) จำนวน 1.6 พันล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2568 ซึ่งนับเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกันที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ แม้รายได้รวมยังคงชะลอตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ผลกำไรได้รับประโยชน์จากการได้มาซึ่งใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ 

รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากรายได้ในกลุ่มบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ชะลอตัว โดยมีรายได้จากธุรกิจออนไลน์ และธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก เข้ามาช่วยชดเชยบางส่วน หากไม่รวมผลกระทบจากเหตุการณ์ระบบโครงข่ายขัดข้องชั่วคราวในไตรมาสที่ 2 และการลดลงของรายได้จากการให้บริการข้ามโครงข่ายภายในประเทศ จะเห็นว่ารายได้จากการให้บริการปรับตัวดีขึ้นทั้งเมื่อเทียบรายปีและรายไตรมาส ขณะเดียวกัน รายได้ค่าเช่าโครงข่ายที่ลดลงตามการสิ้นสุดของสัญญาในการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ร่วมกับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2568 เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รายได้รวมลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าและไตรมาสก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ในช่วงไตรมาส 3

ในไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และความสามารถในการทำกำไรอย่างยั่งยืน โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย หรือ D&A ลดลง 21.6% จากปีก่อนหน้า ต้นทุนโครงข่ายลดลง 16.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนจากการจัดสรรคลื่นความถี่ และการประหยัดต้นทุนจากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย (Network Modernization) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ลดลง 6.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับผลประโยชน์จากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมกิจการผ่านการปรับโครงสร้างองค์กรให้ทันสมัยและการริเริ่มกลยุทธ์ทางการตลาดที่เฉพาะเจาะจง แนวทางการบริหารทางการเงินอย่างมีวินัยของ ทรู คอร์ปอเรชั่น รวมถึงการบูรณาการกรอบการดำเนินงานที่มุ่งเน้นความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แข็งแกร่ง บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาการควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างเคร่งครัด ควบคู่กับการลงทุนเพื่อการเติบโตในอนาคต

นับตั้งแต่การควบรวมกิจการเสร็จสมบูรณ์ ทรู คอร์ปอเรชั่น บันทึกการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA จำนวน 7.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเน้นย้ำถึงความสำเร็จของกลยุทธ์การบูรณาการ สำหรับไตรมาส 3/2568 บริษัทฯ มีกำไร EBITDA เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ด้วยการได้รับแรงหนุนหลักจากการจัดสรรคลื่นความถี่และการประหยัดต้นทุนที่เกี่ยวข้อง อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 5.1 จุดเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมีอัตราอยู่ที่ 65.3% สำหรับไตรมาสนี้ อัตราส่วนหนี้สินต่อกำไรของทรู คอร์ปอเรชั่น อยู่ที่ 4.2 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 ลดลง 0.2 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 0.2 เท่าเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

สำหรับไตรมาส 3/2568 ทรู คอร์ปอเรชั่น รายงานกำไรสุทธิหลังหักภาษี 1.6 พันล้านบาท ทรู คอร์ปอเรชั่น บันทึกรายการที่ไม่ใช่เงินสดที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (One-Time Non-Cash) จำนวน 3 พันล้านบาทที่เกี่ยวข้องกับการด้อยค่าสินทรัพย์จากการดำเนินการพัฒนาโครงข่ายให้ทันสมัย และการยุติบริการคลื่น 850 MHz เมื่อปรับปรุงผลกระทบจากรายการครั้งเดียวตามนี้ กำไรสุทธิหลังหักภาษีมีจำนวน 4.6 พันล้านบาท สะท้อนถึงความแข็งแกร่งในการดำเนินงานและการดำเนินกลยุทธ์ของบริษัทฯ ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) สำหรับไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท โดยค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนเป็นสัดส่วนของยอดขายอยู่ที่ 15% สำหรับไตรมาสนี้"

ตัวเลขทางการเงินที่สำคัญสำหรับไตรมาส 3/2568

- รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC: 4.13 หมื่นล้านบาท ลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

- EBITDA: 2.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และ 7.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

- อัตราส่วน EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการ: 65.3%

- กำไรสุทธิหลังหักภาษี (NPAT): 1.6 พันล้านบาท ปรับปรุงรายการจากผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท

- เงินปันผลระหว่างกาล (งวด 9 เดือน ปี 2568): 6.6 พันล้านบาท (เงินปันผลต่อหุ้น 0.19 บาท) คิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 125%


บทความที่เกี่ยวข้อง
TrueID Game Hub : ขีดสุดแห่ง Cloud Gaming เปิด Open Beta วันนี้! หลังสร้างประวัติศาสตร์ใหม่เปิด Close Beta Test ในงาน gamescom asia x Thailand ยอดพุ่งทะลุ 15 ล้านครั้ง ใน 3 วัน
TrueID Game Hub มีผู้เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์เกมกว่า 15 ล้านครั้ง ทั้งผ่านช่องทางออนไลน์ และจากคอเกมที่เข้าร่วมทดลองเล่นในบูท True dtac 5G x TrueID Game Hub ตลอด 3 วันในงาน gamescom asia x Thailand Game Show 2025
4 พ.ย. 2025
King’s Stella เปิดตัว “King’s Stella Feel the Bloom” ครั้งแรกใจกลางกรุงเทพฯ เดินหน้ากลยุทธ์ Experience Marketing แบบ O2O ผ่านแนวคิด This is My New Thai
“King’s Stella Feel the Bloom” ครั้งแรกใจกลางกรุงเทพฯ เดินหน้ากลยุทธ์ Experience Marketing แบบ O2O ผ่านแนวคิด This is My New Thai
4 พ.ย. 2025
บิ๊กซี พร้อมร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ที่ร้านค้าเช่าและศูนย์อาหารกว่า 3,000 ร้านค้า ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ร่วมอยู่เคียงข้างคนไทย ขอเชิญชวนทุกคนมาใช้สิทธิ์ "คนละครึ่ง พลัส" ได้ทุกวันที่ร้านค้าในโซนพลาซ่า และ ศูนย์อาหารบิ๊กซี อิ่ม อร่อย คุ้มค่า กว่า 3,000 ร้านค้า
4 พ.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy