แชร์

“อัศวิน เตชะเจริญวิกุล” แม่ทัพแห่ง BJC Big C ร่วมเสวนาบนเวที ASEAN Forum 2025 เผยยอดขายอาเซียนโตกว่า 15,000 ล้านบาท ตอกย้ำภาพลักษณ์ธุรกิจที่แข็งแกร่งในภูมิภาค

อัพเดทล่าสุด: 25 มิ.ย. 2025
186 ผู้เข้าชม

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี นำโดย นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้รับเกียรติร่วมเป็นวิทยากรในงานสัมมนา ASEAN Forum 2025 จัดโดย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ซึ่งเป็นเวทีสัมมนาระดับภูมิภาคอาเซียน ที่รวบรวมทั้งผู้นำทางด้านธุรกิจ นักลงทุน นักนวัตกรรม และผู้กำหนดนโยบายระดับภูมิภาค เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับทิศทางสู่การเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียน และโอกาสในการลงทุนทางธุรกิจใหม่ในภูมิภาคอาเซียน ในประเด็นเชิงลึกทั้งด้านการค้า โลจิสติกส์ อาหาร นวัตกรรม และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เมื่อเร็ว ๆ นี้

ภายในงาน นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ INGREDIENT FOR THE BOOMING ECONOMY: NEW INVESTMENT OPPORTUNITIES โดยนำเสนอแนวคิดและมุมองในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกและการผลิตระดับภูมิภาค สำหรับหัวข้อเสวนาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายองค์กรร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ได้แก่ นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต ผู้อำนวยการสำนักอุตสาหกรรมยานยนต์ และสำนักบริการการลงทุน Mr. Saribua Siahaan Director of Investment Promotion for Southeast Asia, Australia, New Zealand and the Pacific, Ministry of Investment and Downstream Industry / Indonesia Investment Coordinating Board (BKPM) และนายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล อดีตผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

นายอัศวิน กล่าวในงานเสวนาว่า กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มุ่งขยายธุรกิจในประเทศอาเซียนที่มีการเติบโตสูง โดยเรามีอุตสหาหกรรมที่หลากหลาย และมีการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาค กว่า 194,000 แห่ง ในหลากหลายประเทศด้วยกัน โดยในประเทศไทย เรามีโรงงาน 12 แห่ง ศูนย์กระจายสินค้า 14 แห่ง ร้านค้าปลีก 12,818 แห่ง และรถขนส่ง 1,556 คัน ซึ่งสามารถกระจายสินค้าไปยังร้านค้ากว่า 89,922 แห่ง อีกทั้งยังมีเครือข่าย จัดจำหน่ายร้านค้ารายย่อยอีก 183 แห่ง สำหรับต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม เรามีโรงงาน 7 แห่ง ศูนย์กระจายสินค้า
8 แห่ง ร้านค้าปลีก 2,466 แห่ง และรถขนส่ง 373 คัน ซึ่งสามารถกระจายสินค้าไปยังร้านค้ากว่า 104,869 แห่ง, ลาว เรามีร้านค้าปลีก 68 แห่ง และศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง, กัมพูชา เรามีโรงงาน 1 แห่ง และร้านค้าปลีกอีก 22 แห่ง, มาเลเซีย เรามีโรงงาน 2 แห่ง และเมียนมา เรามีสำนักงานตัวแทน 1 แห่ง เป็นต้น โดย 91% ของยอดขายต่างประเทศของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มาจากภูมิภาคอาเซียน และมีอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ย 9.2% ต่อปี ซึ่งในปี 2024 ที่ผ่านมา มียอดขายในอาเซียนเติบโตถึง 15,000 ล้านบาท

นายอัศวิน เผยถึงกระแสเทรนด์โลกและประเทศไทยในปี 2025 ว่า ยุคนี้เป็นยุคสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Health Era) ซึ่งผู้บริโภคจะให้ความสำคัญทั้งสุขภาพกาย ใจ และอารมณ์ อีกทั้งผู้บริโภคยังตระหนักถึงความยั่งยืน (Sustainability) และการเลือกซื้อที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า (Value-Driven Choices) โดยให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายและตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างตั้งใจมากขึ้น รวมถึงให้ความสนใจกับสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalization) และสินค้าภายใต้แบรนด์ของร้านค้า (Private Label) ซึ่งมีราคาคุ้มค่า มีคุณภาพ และ
มีความน่าเชื่อถือ

นายอัศวิน กล่าวต่อว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงยังคงเติบโต เทรนด์ Pet Humanization & Pet Tourism การที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัว และต้องการให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การท่องเที่ยว ยังคงเป็นกระแสต่อเนื่อง อีกทั้งมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และการบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และสินค้าที่เป็นมิตรกับครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยงมากขึ้น นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศไทย ยังสามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้าได้ และมีการจัดอีเวนต์สำหรับสัตว์เลี้ยงด้วย โดยยอดขายรวมของอาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงในช่องทางค้าปลีกของประเทศไทย ในปี 2024 เติบโตขึ้นจากปี 2023 ถึง 10.9% มีมูลค่ายอดขายรวมทั้งตลาด
7,645 ล้านบาท สำหรับ บิ๊กซี ยอดขายรวมของอาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงในปี 2024 เติบโตขึ้นจากปีก่อน 1.6% และมีมูลค่ายอดขายรวม 1,250 ล้านบาท

สำหรับเทรนด์ด้านเทคโนโลยีและ AI ในปี 2025 นายอัศวิน กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกมีการใช้เทคโนโลยีและ AI เพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น อาทิ ร้านค้าอัตโนมัติไร้พนักงาน หุ่นยนต์ในร้าน รถเข็นอัจฉริยะ และระบบนำทางในร้าน เป็นต้น อีกทั้งยังมีการทรานส์ฟอร์มร้านค้าให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคนี้ เช่น มีจุดชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ขยายร้านสะดวกซื้อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีพื้นที่จอดรถ รวมถึงมีสินค้าและการบริการที่หลากหลาย เพื่อยกระดับการช้อปแบบครบจบในที่เดียว มีความสะดวก และทันสมัย

นายอัศวิน กล่าวถึงโอกาสการลงทุนในอาเซียนว่า การกระจายฐานการผลิตและห่วงโซ่อุปทานไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน อาทิ เวียดนาม ไทย และมาเลเซีย เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ส่วนอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เหมาะสำหรับการผลิต นับเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความยืดหยุ่นและกระจายความเสี่ยงในระดับภูมิภาค อีกทั้งอาเซียนมีศักยภาพสูงในธุรกิจเกษตรและอาหาร เนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งดินและแหล่งน้ำ ทำให้มีข้อได้เปรียบในการผลิตสินค้าเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะข้าว สัตว์ปีก รวมถึงโลจิสติกส์ด้านอาหาร และการผลิตอาหารฮาลาล เพื่อส่งออกสู่ตลาดตะวันออกกลางและมุสลิมทั่วโลก

นอกจากนี้ อาเซียนยังมีศักยภาพการลงทุนอีกหลากหลายสาขาใหม่ที่กำลังเติบโต อาทิ ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ ด้วยอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่สูงของประชากรในภูมิภาคนี้ และการเติบโตของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ, ด้านพลังงานสีเขียวและเทคโนโลยีด้านสภาพอากาศ เช่น อินโดนีเซีย มีศักยภาพด้านแร่สำรองที่ใช้ในแบตเตอรี่สูง, ด้านการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในอาเซียน ทำให้การลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล คลินิก การดูแลผู้สูงอายุ และเทคโนโลยีด้านสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน, ด้านการศึกษาและการพัฒนาทักษะ ในภูมิภาคอาเซียนมีความต้องการเพิ่มทักษะของแรงงานต่อเนื่อง ดังนั้น การลงทุนในแพลตฟอร์ม EdTech และธุรกิจการเรียนการสอนภาษายังคงเติบโต, ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยการขยายตัวของเมืองและ การเชื่อมต่ออย่างไร้พรมแดนและขีดจำกัด เหมาะกับการลงทุนระบบโลจิสติกส์และโครงการเมกะโปรเจกต์อย่างมาก และด้านบริการทางการเงิน เนื่องจากประชาชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสสำคัญในการขยายบริการ
ฟินเทค (Fintech) และไมโครไฟแนนซ์ (Microfinance) นายอัศวิน กล่าว

กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เป็นเลิศในการพัฒนาการผลิตสินค้าและบริการ ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย ได้แก่ กลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ กลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค กลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และทางเทคนิค และกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ควบคู่กับการสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสังคมในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันและเปิดโอกาสให้ธุรกิจไทยเติบโตในระดับภูมิภาคอาเซียนอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน


บทความที่เกี่ยวข้อง
ทรู คอร์ปอเรชั่น ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นครั้งแรก 6.6 พันล้านบาท หลังทำกำไรต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สามติดต่อกัน
บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รายงานผลกำไรหลังหักภาษีประจำไตรมาส 3/2568 มูลค่า 1.6 พันล้านบาท ซึ่งนับเป็นการทำกำไร 3 ไตรมาสติดต่อกัน
4 พ.ย. 2025
TrueID Game Hub : ขีดสุดแห่ง Cloud Gaming เปิด Open Beta วันนี้! หลังสร้างประวัติศาสตร์ใหม่เปิด Close Beta Test ในงาน gamescom asia x Thailand ยอดพุ่งทะลุ 15 ล้านครั้ง ใน 3 วัน
TrueID Game Hub มีผู้เข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์เกมกว่า 15 ล้านครั้ง ทั้งผ่านช่องทางออนไลน์ และจากคอเกมที่เข้าร่วมทดลองเล่นในบูท True dtac 5G x TrueID Game Hub ตลอด 3 วันในงาน gamescom asia x Thailand Game Show 2025
4 พ.ย. 2025
King’s Stella เปิดตัว “King’s Stella Feel the Bloom” ครั้งแรกใจกลางกรุงเทพฯ เดินหน้ากลยุทธ์ Experience Marketing แบบ O2O ผ่านแนวคิด This is My New Thai
“King’s Stella Feel the Bloom” ครั้งแรกใจกลางกรุงเทพฯ เดินหน้ากลยุทธ์ Experience Marketing แบบ O2O ผ่านแนวคิด This is My New Thai
4 พ.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy