แชร์

KKP มองเศรษฐกิจไทย 2568 ชะลอตัว ท่องเที่ยวแผ่ว-หนี้ครัวเรือนกดดัน จับตานโยบายสหรัฐฯ กระทบการค้า คาดโตเพียง 2.6%

อัพเดทล่าสุด: 9 ก.พ. 2025
102 ผู้เข้าชม

ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (Pipat Luengnaruemitchai, Chief Economist, KKP Research, Kiatnakin Phatra Financial Group) เผยว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 2.6% ชะลอตัวจากปีก่อนหน้าที่คาดไว้ที่ 2.7% เล็กน้อย โดยมีแรงส่งสำคัญจากภาคท่องเที่ยวและภาคบริการ อย่างไรก็ตาม แรงส่งนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากการฟื้นตัวกลับมาเกือบปกติของภาคท่องเที่ยว ในขณะที่ปัญหาความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมและภาคส่งออกยังเป็นแรงกดดันที่สำคัญต่อเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ การหดตัวของสินเชื่อภาคธนาคารจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและภาวะเศรษฐกิจกำลังส่งผลทางลบต่อการบริโภคสินค้าคงทนและภาคอสังหาริมทรัพย์

ด้านปัจจัยภายนอก เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงจากนโยบายของสหรัฐฯ ที่อาจใช้นโยบายการค้าเป็นเครื่องมือในการเจรจาต่อรอง โดยไทยติดอันดับที่ 11 ของประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากที่สุด และอาเซียนเองก็เกินดุลการค้าเป็นอันดับ 2 รองจากจีนเท่านั้น ทำให้ไทยและอาเซียนอาจตกเป็นเป้าของมาตรการทางการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ และส่งผลต่อภาคการค้าไทยได้ ทั้งนี้ นอกจากกลุ่มสินค้าส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบแล้ว ไทยอาจถูกกดดันให้เปิดตลาดบางกลุ่มสินค้า รวมถึงสินค้าเกษตรที่ไทยมีอัตราภาษีและมาตรการกีดกันการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในขณะที่ไทยอาจได้รับประโยชน์จากการย้ายฐานลงทุน จึงมีความจำเป็นที่ประเทศไทยต้องเตรียมพร้อมในการรับมือและเจรจาต่อรองให้เกิดผลดีที่สุด



ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่มีไม่แน่นอน ดร.พิพัฒน์ มองว่า การใช้นโยบายการคลัง และนโยบายการเงินจะมีบทบาทสำคัญในการรับมือกับความเสี่ยง นอกจากนี้ การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อสนับสนุนการลงทุนและยกระดับศักยภาพของเศรษฐกิจยังมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยคาดว่าน่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีกในปีนี้ และรัฐบาลยังคงใช้นโยบายขาดดุลด้านการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี ด้วยข้อจำกัดด้านการคลังกำลังมีมากขึ้นและหนี้สาธารณะที่ขยับใกล้แตะเพดาน 70% ของ GDP รัฐบาลอาจต้องมีการทบทวนว่าจะเลือกใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไรเพื่อให้เกิดผลดีที่สุดต่อเศรษฐกิจ และเนื่องจากระดับรายได้ภาษีของรัฐบาลที่มีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ ตลอดจนความจำเป็นในการใช้จ่ายภาครัฐที่มีมากขึ้น ทำให้จำเป็นต้องปฏิรูประบบราชการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐ ขยายฐานภาษี และปฏิรูประบบภาษีเพื่อเพิ่มรายได้ ดูแลเรื่องปัญหาความเหลื่อมล้ำ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ


บทความที่เกี่ยวข้อง
Money20/20 Asia เคาะสตาร์ทอัพมาแรงของวงการทั้ง 6 ที่พร้อมนิยามอุตสาหกรรมฟินเทครุ่นใหม่แห่งยุค ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
การแนะนำเหล่าสตาร์ทอัพมาแรงที่ได้การคัดเลือกที่สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทอันสำคัญเชิงลึกและความหลากหลายของเทคโนโลยีทางการเงินในภูมิภาค ตั้งแต่เครื่องมือการลงทุนที่ขับเคลื่อนด้วย AI และแพลตฟอร์มการเงินแบบกระจายอำนาจ หรือ DeFi ไปจนถึงเทคโนโลยีทางการเงินที่เหมาะสมกับยุคสมัยของธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบัน โครงสร้างพื้นฐาน และระบบนิเวศดิจิทัลที่ยิ่งใหญ่
24 เม.ย. 2025
Money20/20 เปิดงานวันแรกอย่างคึกคัก คาดอุตสาหกรรมการชำระเงินระหว่างประเทศของเอเชียโตถึง 23.8 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี พ.ศ.2575 พร้อมกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมทางการเงินอย่างต่อเนื่องตั้งเเต่วันนี้ถึง 24 เมษา ณ ศูนย์สิริกิติ์
ผู้นำด้านเทคโนโลยีทางการเงินกว่าร้อยละ 88 เล็งเห็นว่าการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนอีกร้อยละ 91 กล่าวว่าความร่วมมือจะช่วยกำหนดโครงสร้างพื้นฐาน
23 เม.ย. 2025
กลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย เปิดตัว ออร์บิกซ์ กรุ๊ป ให้บริการที่ครอบคลุมทั้งระบบนิเวศสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในงานฟินเทคระดับโลก Money20/20 Asia
กลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมทางการเงินและเทคโนโลยีดิจิทัล เข้าร่วมงาน Money 20/20 Asia ซึ่งเป็นงานสัมมนาด้านฟินเทคระดับโลก จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 - 24 เมษายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
22 เม.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy